TRC Development

บริการด้านการทำวิจัย การสำรวจ การทำประชามติ และประชาพิจารณ์​

ประชามติและประชาพิจารณ์ คือ การขอความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการหรือนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้ได้รับการยอมรับอนุญาตหรือเห็นด้วยกับโครงการต่าง ๆ ตัวอย่าง เช่น

สถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง ต้องการเปิดให้บริการ ต้องมีการทำประชามติจากชาวบ้านในรัศมีใกล้เคียงการก่อสร้าง หรือจัดทำ EIA เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลว่าโครงการนั้น หากมีผลกระทบก็จะมีระบบหรือแนวทางการป้องกันไว้อย่างไรบ้า นอกจากนี้ เมื่อทำประชามติ ได้รับความคิดเห็นเป็นเอกฉันท์แล้ว ก็นำผลของการทำประชามติ ไปจัดทำรายงาน และขออนุญาตการก่อสร้างต่อ ๆ ไป กับทางที่ว่าการอำเภอ

บริษัท A ต้องการสร้างศูนย์ซ่อมสี ตัวถังรถยนต์ ซึ่งมีผลกระทบกับชาวบ้านระแวงใกล้เคียง ก่อนการเปิดต้องจัดทำ EIA จากทางประชาชนในพื้นที่รัศมี 500 เมตร 1 กิโลเมตร 5 กิโลเมตร เป็นต้น
ว่าแต่ละช่วงมีความกังวลด้านไหนบ้าง เช่น กลิ่นของสี เสียง มลพิษทางน้ำ เป็นต้น ทางเจ้าของโครงการก็จะนำข้อเสนอนั้นมาทำแบบร่าง เพื่อไปทำประชามติอีกทีว่าสิ่งที่กังวล เราเจ้าของโครงการมีมาตรฐานและการป้องกันอย่างไรบ้าง เพื่อให้ประชาชนไม่มีความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ที่จะกระทบเขา

“ประชามติ” (Referendum) หมายถึง มติของประชาชนส่วนใหญ่ที่แสดงออกในเรื่องใด เรื่องหนึ่งหรือที่ใดที่หนึ่งทุกคนมีสิทธิออกเสียงและลงคะแนนรับรองเพื่อให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในโครงการหรือการทำประชามติรอบนั้นๆหากมีความคิดเห็นไม่เห็นชอบทางเจ้าของโครงการจะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้ความรู้ ความกระจ่างแก่ผู้เข้าร่วมโครงการหรือเข้าร่วมรับฟัง

“ประชาพิจารณ์” (Public Hearing) หมายถึง การฟังความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ หมายถึง “กระบวนการที่เปิดโอกาสให้ฝ่ายต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และประชาชนมีส่วนร่วมนำเสนอข้อมูล คำแถลง จุดยืน ข้อเท็จจริง และความคิดเห็น ทั้งในเชิงสนับสนุนหรือคัดค้าน เกี่ยวกับนโยบาย ร่างกฎหมาย หรือการริเริ่มโครงการ ของรัฐ เพื่อให้รัฐนำข้อพิจารณาของทุกฝ่ายไปเปรียบเทียบผลดีผลเสีย หาจุดสมดุล ที่เหมาะสม และใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบ โปร่งใส และมีความรับผิดชอบ ก่อนที่จะ ตัดสินใจตามอำนาจที่มีอยู่ต่อไป นอกจากนี้ ยังเป็นกระบวนการที่เปิดโอกาสให้แก่บุคคลผู้อาจได้รับผลกระทบจากโครงการหรือการดำเนินการของรัฐได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการหรือการดำเนินการดังกล่าว โดยอาจพิจารณาว่าประชาพิจารณ์เป็นการประชุมหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบในการออกคำสั่งหรือดำเนินโครงการและกลุ่มผลประโยชน์ หรือประชาชนธรรมดาผู้มีส่วนได้เสียจากคำสั่งหรือโครงการดังกล่าว โดยถือเป็นเรื่องปกติและเป็นการเหมาะสมที่รัฐจะปรึกษาประชาชนก่อนการดำเนินการที่สำคัญ แต่ในบางครั้งกฎหมายอาจจะกำหนดวิธีการดำเนินการประชาพิจารณ์บางรูปแบบไว้ ประชาพิจารณ์มิใช่การดำเนินคดีที่ประกอบด้วยโจทก์และจำเลย แม้ว่าในกระบวนการประชาพิจารณ์ผู้เข้าร่วมอาจได้รับอนุญาตให้ส่งหนังสือหรือเอกสารแก่ส่วนราชการ กระบวนการจะเป็นไปตามที่ส่วนราชการเห็นสมควร และเมื่อสิ้นสุดกระบวนการเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการตามดุลพินิจของตน แม้ว่าจะมีบุคคลในกระบวนการประชาพิจารณเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนเท่าใดก็ตาม

ธนศาสตร์ รีเสิร์ช เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของไทย ที่ให้บริการด้านข้อมูล ข่าวสาร และความรู้ (Knowledge) บริษัทวิจัยภาคสนาม รับลงพื้นที่สำรวจตลาด Survey Research แจกแบบสอบถาม ตอบแบบสอบถามออนไลน์ ทำแบบสัมภาษณ์เชิงลึก In-depth interview และแบบกลุ่ม Focus group บริษัทออกสินค้าและบริการใหม่ หน่วยงานรัฐประเมินโครงการ ร้านค้าปรับปรุงบริการ Shopper รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศอันทันสมัย และครบวงจรเพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้บุคลากร หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ตลอดจนการวิเคราะห์ บริหารฐานข้อมูลอันทรงคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร

ใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษาคำแนะนำ และให้ความช่วยเหลือที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรม

การลงพื้นที่เก็บข้อมูล การเก็บแบบสอบถาม หรือการสัมภาษณ์ เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูล การรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้สำหรับงานวิจัย เช่น วิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เดี่ยว สัมภาษณ์กลุ่ม วิจัยเชิงปริมาณหรือสำรวจ โดยการเก็บแบบสอบถามจากการแจกแบบสอบถามให้กลุ่มตัวอย่างโดยตรง หรือการตอบแบบสอบถามออนไลน์ แม้กระทั่งการโทรศัพท์สอบถามเพื่อให้ได้ข้อมูล เป็นต้น

วิจัยเชิงสำรวจ วิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)

การเก็บข้อมูลเชิงสำรวจ เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่กำหนด เพื่อนำข้อมูลนั้นไปวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์การวิจัย เช่น การสำรวจเพื่อสอบถามทัศนคติ แนวคิด ความพึงพอใจ คุณภาพการให้บริการ หรืออื่นๆ เพื่อปรับปรุง พัฒนา ต่อยอดงานสินค้า บริการที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้น

การสำรวจ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ใหญ่ๆ ดังนี้

วิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)

การเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ มีหลากหลายรูปแบบ เช่น การสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม การสังเกต การทำ Delphi techniques โดยไม่ใช้ค่าสถิติ

การสัมภาษณ์เป็นการเก็บข้อมูลที่นำมาใช้บ่อยในงานวิจัย โดยการสัมภาษณ์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

  • การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง แบบเป็นทางการ(Structured Interview / Formal Interview)
  • การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง แบบไม่เป็นทางการ(Non-Structured Interview)

บริการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก

(In-depth Interview)

เป็นการสัมภาษณ์เจาะลึกรายบุคคล ระหว่างผู้สัมภาษณ์และผู้ให้สัมภาษณ์ เป็นการสอบถามเจาะลึกคำตอบนอกจากการตอบทั่วไปแล้ว ยังต้องถามถึงเหตุผลด้วย

ข้อดีของการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก เหมาะกับวิจัยด้านพฤติกรรมบุคคล วิจัยด้านความต้องการ วิจัยเกี่ยวกับความเชื่อ วิจัยเกี่ยวกับทัศนคติหรือค่านิยม เป็นต้น

บริการสัมภาษณ์กลุ่ม

(Focus group Discussion)

เป็นการสัมภาษณ์อีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อรวบรวมข้อมูลจากการสนทนากับผู้ให้ข้อมูลในประเด็นปัญหาที่เจาะจง โดยมีผู้ดำเนินการสนทนากลุ่ม (Moderator) เป็นผู้คอยจุดประเด็นการสนทนา เพื่อชักจูงกลุ่ม ให้เกิดแนวคิดและแสดงความคิดเห็น ผู้เข้าร่วมกลุ่มละ 6-10 คน

ข้อดีของการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก เหมาะกับวิจัยด้านพฤติกรรมบุคคล วิจัยด้านความต้องการ วิจัยเกี่ยวกับความเชื่อ วิจัยเกี่ยวกับทัศนคติหรือค่านิยม เป็นต้น

บริการการสังเกต

เป็นการสังเกตเพื่อเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมีวิธีการ เพื่อวิเคราะห์หรือหาความสัมพันธ์ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งอื่น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

การสังเกต แบบมีส่วนร่วม

(Participant Observation)

เป็นการสังเกตโดยผู้วิจัยเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับกลุ่มตัวอย่างหรือกลุ่มที่ศึกษา มีการทำกิจกรรมร่วมกัน จนกลุ่มตัวอย่างยอมรับในผู้วิจัยว่าเป็นพวกเดียวกัน โดยการฝังตัวอยู่ในเหตุการณ์ เข้าไปอาศัยในชุมชน สถานที่ เป็นเวลานาน

การสังเกต แบบไม่มีส่วนร่วม

(Non-Participant Observation)

เป็นการเฝ้าสังเกตโดยไม่เข้าไปร่วม ต่างจากการสังเกตโดยผู้วิจัยเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับกลุ่มตัวอย่างหรือกลุ่มที่ศึกษา มีการทำกิจกรรมร่วมกัน

จุดประสงค์ : เพื่อสังเกตพฤติกรรมและเหตุการณ์ เพื่อนำมาหาความสัมพันธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือปรากฎการณ์ เป็นต้น

บริการด้านงานบทความ

ธนศาสตร์ รีเสิร์ช เป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของไทย ที่ให้บริการด้านข้อมูล ข่าวสาร และความรู้ (Knowledge) บริษัทที่ปรึกษาการทำบทความวิจัย บทความวิชาการ Academic Journal ด้วยทีม Advisor ระดับนานาชาติ ตีพิมพ์ Scopus TCI รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศอันทันสมัย และครบวงจรเพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้บุคลากร หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ตลอดจนการวิเคราะห์ บริหารฐานข้อมูลอันทรงคุณค่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร

ใครก็ตามที่กำลังมองหาทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมให้คำปรึกษาคำแนะนำ และให้ความช่วยเหลือที่มีคุณภาพ บนพื้นฐานของราคาที่ยุติธรรม

บริการให้คำปรึกษาด้านการเขียนบทความวิจัย บทความวิชาการ การลงตีพิมพ์ผลงานวิจัยและวิชาการลงฐาน TCI 1 TCI2 Scopus Q1-Q4 บทความฐานนานาชาติ ISI บริการรับสอนการเขียน การแก้ไขบทความ ด้วยทีมนักวิจัยมืออาชีพ บริการให้คำปรึกษาการลงบทความในไทยและต่างประเทศ ปรึกษาการไป Conferences เอเชีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือยุโรป

บทความทางวิชาการ

เป็นงานเขียนซึ่งมีการวิเคราะห์ประเด็นตามหลักวิชาการ โดยมีการสำรวจวรรณกรรมและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เพื่อสนับสนุน กระทั่งสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ในประเด็นนั้นได้ โดยรูปแบบของบทความวิชาการ จะประกอบด้วย การเกริ่นนำที่แสดงเหตุผล หรือที่มาของประเด็นที่ต้องการอธิบายหรือวิเคราะห์ กระบวนการอธิบายหรือวิเคราะห์ และบทสรุป มีการอ้างอิงบรรณานุกรม ที่ครบถ้วนและสมบูรณ์

บทความวิชาการ ประกอบด้วย

  • ส่วนที่ 1: ชื่อบทความ ชื่อเจ้าของบทความ
  • ส่วนที่ 2: บทคัดย่อ (Abstract) คำสำคัญ (Keyword)
  • ส่วนที่ 3: บทนำ (Introduction) ประกอบด้วย
    • 3.1 หลักการและเหตุผล
    • 3.2 วัตถุประสงค์
    • 3.3 ขอบเขตเรื่อง และคำจำกัดความหรือนิยามต่างๆ
  • ส่วนที่ 4: เนื้อเรื่อง (Body) ส่วนนี้ผู้วิจัยต้องคำนึงถึง
    • 4.1 การจัดลำกับเนื้อหาสาระ
    • 4.2 การเรียบเรียงเนื้อหา
    • 4.3 การวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์
    • 4.4 การใช้ภาษา
    • 4.5 การนำเสนอ ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
  • ส่วนที่ 5: ส่วนสรุป (Conclusions)
  • ส่วนที่ 6: กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgements) บรรณานุกรม (References)

บทความวิจัย

เป็นผลงานต่อเนื่องจากงานวิจัยหรือสกัดมาจากงานวิจัย บทความประเภทนี้ เป็นบทความที่ประมวลสรุปกระบวนการวิจัย ให้มีความกระชับและสั้น สำหรับตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการ สื่อสิ่งพิมพ์ หรือที่ประชุมสัมมนา โดยการพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย ต้องผ่านการกลั่นกรองและตรวจสอบ เนื้อหาสาระและความถูกต้อง จากผู้ทรงคุณวุฒิในวงวิชาการนั้นๆ (Peer review) นอกจากนี้ จะต้องมีรูปแบบการจัดพิมพ์ ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของวารสาร หรือคณะกรรมการประเมิน

บทความวิจัย ประกอบด้วย

  • ส่วนที่ 1: ชื่อบทความ ชื่อเจ้าของบทความ
  • ส่วนที่ 2: บทคัดย่อ (Abstract) คำสำคัญ (Keyword)
  • ส่วนที่ 3: บทนำ (Introduction)
  • ส่วนที่ 4: เนื้อเรื่อง (Body) ประกอบด้วย
    • 1) หลักการและเหตุผล
    • 2) วัตถุประสงค์ในการวิจัย
    • 3) วิธีการศึกษาวิจัย
    • 4) ผลการศึกษาวิจัย
  • ส่วนที่ 5: ตารางและรูปภาพ
  • ส่วนที่ 6: การอภิปรายผลงานวิจัย
  • ส่วนที่ 7: การสรุปผลและประโยชน์ที่ได้จากการวิจัย
  • ส่วนที่ 8: ข้อเสนอแนะ
  • ส่วนที่ 9: กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgements) บรรณานุกรม (References)